โอกาส ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

8 ตุลาคม 2568

    อรุณสวัสดิ์ และขอขอบคุณคุณไมค์ที่เชิญดิฉัน เชิญไอเอ็มเอฟ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานเปิดศูนย์การเรียนรู้แห่งใหม่ที่สวยงามแห่งนี้ ดิฉันนึกไม่ออกเลยว่าจะมีสถานที่ไหนเหมาะสมไปกว่านี้ในการพูดคุยเกี่ยวกับโอกาส

    เมื่อมองโลกย้อนกลับไปตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ดิฉันมองเห็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง แต่ก็เห็นความฝันที่ยังไม่สมดังปรารถนาเช่นกัน ผู้คนทั่วไปในปัจจุบันมีฐานะดีกว่าเมื่อราว 30 ปีก่อนมาก แต่ค่าเฉลี่ยในสถิติเรื่องนี้กลับซ่อนเอาไว้ซึ่งการถูกกีดกันให้อยู่ชายขอบ ความคับข้องใจ และการใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

    ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นผู้คนโดยเฉพาะเยาวชน ออกมาประท้วงบนท้องถนนตั้งแต่เมืองลิมาไปจนถึงเมืองราบัต จากกรุงปารีสไปจนถึงกรุงไนโรบี และจากเมืองกาฐมาณฑุไปจนถึงกรุงจาการ์ตา โดยทุกคนต่างเรียกร้องโอกาสที่ดีขึ้น

    ในสหรัฐอเมริกา โอกาสที่คุณจะเติบโตจนมีรายได้มากกว่าผู้ปกครองลดลงเรื่อย ๆ (ภาพที่ 1) ที่นี่ก็เช่นกัน ความคับข้องใจปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน และผลักดันให้เกิดการปฏิวัติทางนโยบายที่กำลังก่อตัวขึ้น เปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้า การย้ายถิ่นฐาน และกรอบโครงสร้างระหว่างประเทศ

    สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางฉากหลังของการเปลี่ยนแปลงเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ในด้านเทคโนโลยี ในด้านประชากรศาสตร์ ที่ประชากรมีมากขึ้นหรือลดลงอย่างมากในบางพื้นที่ และความเสียหายที่เราก่อกับโลกของเรายังสะสมขึ้นเรื่อย ๆ

    เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ความไม่แน่นอนในทั่วโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ (ภาพที่ 2) เตรียมตัวให้พร้อม เพราะความไม่แน่นอนจะยังคงมีอยู่

    ***

    ในสัปดาห์หน้า เมื่อบรรดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางจากทั่วโลกมารวมตัวกันในการประชุมประจำปีของเรา คำถามเร่งด่วนที่สุดจะเป็นคำถามเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจากพลังของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และความสับสนจากนโยบายที่เรากำลังพบเห็นอยู่

    คำถามคือ เศรษฐกิจโลกกำลังรับมืออย่างไร? คำตอบสั้น ๆ คือ ดีกว่าที่กังวล แต่แย่กว่าที่เราต้องการ

    เมื่อต้นปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคน (แต่ไม่ใช่เรา) คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลก ในทางกลับกัน เศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงประเทศกำลังพัฒนา ตลาดเกิดใหม่ และประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ อีกหลายประเทศยังคงรักษาเสถียรภาพไว้ได้

    ตามที่ รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ของเราจะอธิบายรายละเอียดในสัปดาห์หน้า เราคาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อยในปีนี้และปีหน้า สัญญาณทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกโดยทั่วไปได้ต้านทานแรงกระแทกที่รุนแรงจากหลายปัจจัย

    เราจะอธิบายความสามารถในการฟื้นตัว (Resilience) นี้ได้อย่างไร? ดิฉันจะชี้ให้เห็นเหตุผลสี่ประการดังต่อไปนี้

    • ประการที่หนึ่ง พื้นฐานนโยบายที่ปรับปรุงดีขึ้น
    • ประการที่สอง ความสามารถในการปรับตัวของภาคเอกชน
    • ประการที่สาม ผลลัพธ์ ณ เวลานี้จากภาษีศุลกากรที่ไม่รุนแรงเท่าที่กังวลในเบื้องต้น และ
    • ประการที่สี่ ภาวะการเงินที่เอื้ออำนวย ตราบเท่าที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

    ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติม

    เหตุผลประการแรก พื้นฐานนโยบายที่ดีขึ้นและการทำงานประสานกันทั่วโลก

    ความพยายามด้านนโยบายทั่วโลกส่งผลให้มีนโยบายการเงินที่น่าเชื่อถือมากขึ้น มีตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นกู้สกุลเงินท้องถิ่นที่ลึกมากขึ้น มีกฎระเบียบใหม่ทางการคลัง และในช่วงโควิดระบาด มีการดำเนินการทางการคลังที่รวดเร็ว เด็ดขาด และทำงานประสานกันทั่วโลก เพื่อจำกัดความเจ็บปวดในทันทีและแผลเป็นระยะยาว

    ประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ ได้ปรับปรุงกรอบนโยบายและสถาบันของตนอย่างมีนัยสำคัญ เราเพิ่งเผยแพร่ รายงาน ที่พบว่าประเทศกลุ่มนี้มีความสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤตการเงินโลก

    นโยบายที่ดีสร้างความแตกต่าง

    เหตุผลประการที่สอง ความสามารถในการปรับตัวของภาคเอกชน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งได้เร่งทำคำสั่งซื้อสินค้านำเข้าล่วงหน้าก่อนการขึ้นภาษีศุลกากร และกำลังปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของตน รูปแบบการค้าโลกกำลังมีวิวัฒนาการและการปรับตัว

    ในโลกขององค์กรธุรกิจ ความคล่องตัวนำมาซึ่งความสามารถในการฟื้นตัว งบดุลของบริษัทโดยทั่วไปมีความแข็งแรงหลังจากทำกำไรอย่างแข็งแกร่งมาหลายปี ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นกระแสหลัก นำมาซึ่งความท้าทายและโอกาส

    เหตุผลประการที่สาม ภาษีศุลกากร ซึ่งไม่สร้างแรงกระแทกได้รุนแรงเท่าที่ประกาศไว้ในตอนแรก

    อัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงของสหรัฐฯ ลดลงจากร้อยละ 23 ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่ร้อยละ 17.5 ในปัจจุบัน แต่ยังคงสูงกว่าเมื่อก่อนมาก (ภาพที่ 3) อัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในปัจจุบันยังสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกอย่างมาก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วอัตราภาษีศุลกากรคงที่ในปีนี้ และแทบจะไม่มีมาตรการตอบโต้กลับจากประเทศอื่น ๆ เลย

    Chart-3-curtain-raiser-charts-Oct-7

    โดยสรุปแล้ว โลกยังคงหลีกเลี่ยงการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันในสงครามการค้าได้จนถึงขณะนี้ แต่กระนั้น ระดับการเปิดประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก

    เรื่องราวยังไม่จบลง อัตราภาษีของสหรัฐฯ ยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอีกไม่นานก็จะมีเกาหลีใต้ ส่งผลให้อัตราภาษีเหล่านี้ให้ลดลง ขณะที่ข้อพิพาทกับบราซิลและอินเดียผลักดันให้อัตราของประเทศอื่นขยับขึ้น (ภาพที่ 4) อัตราภาษีของประเทศอื่น ๆ ก็น่าจะขยับเช่นกัน

    Chart-4-curtain-raiser-charts-Oct-7-New

    เหตุผลประการที่สี่ ภาวะการเงินที่เอื้ออำนวย โดยอาศัยแรงหนุนจากการมองศักยภาพของ AI ในด้านดีว่าอาจจะเพิ่มผลิตภาพให้สูงขึ้น ราคาหุ้นทั่วโลกจึงพุ่งสูงขึ้น (ภาพที่ 5) ปัจจัยนี้ ประกอบกับค่าชดเชยความเสี่ยงที่ต่ำ และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในช่วงต้นปีนี้ ช่วยบรรเทาภาระหนี้ของผู้กู้ยืมที่ไม่ใช่ชาวสหรัฐฯ ที่มีหนี้สกุลเงินดอลลาร์ได้อย่างยิ่ง ส่งผลให้ตลาดทุนโดยทั่วไปเปิดกว้าง บริษัทและรัฐบาลหลายประเทศต่างกำลังคว้าโอกาสนี้ไว้

    chart-5-curtain-raiser-charts-oct-7

    ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้คือปัจจัยสี่ประการที่อยู่เบื้องหลังความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เราพบเห็นในปีนี้

    ***

    บางท่านอาจจะถอนหายใจลึก ๆ ด้วยความโล่งอก แต่อย่าเพิ่งหยุดฟัง ความสามารถในการฟื้นตัวทั่วโลกยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างเต็มที่

    มีสัญญาณบางอย่างที่เราต้องให้ความสำคัญ เช่นอุปสงค์ของทองคำที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก เพราะได้รับแรงกระตุ้นจากปัจจัยการแปลงมูลค่าและปริมาณการซื้อสุทธิ สะท้อนปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์บางส่วน ปัจจุบันการถือครองทองคำจึงเกินกว่าหนึ่งในห้าของทุนสำรองอย่างเป็นทางการของโลก (ภาพที่ 6)

    chart-6-curtain-raiser-charts-oct-7

    นอกจากนี้ ผลกระทบทั้งหมดของภาษีศุลกากร ยังไม่ปรากฏชัดเจน ในสหรัฐอเมริกา การลดลงของอัตรากำไรของบริษัทอาจนำไปสู่การส่งผ่านราคามากขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนในประเทศอื่น ๆ สินค้าจำนวนมากที่ปลายทางส่งเข้ามายังสหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้ อาจกระตุ้นให้มีการขึ้นภาษีรอบสอง

    การค้าโลกยังคงไหลไปเหมือนสายน้ำ แม้จะมีภาวะชะงักงันบ้าง โดยการค้าส่วนใหญ่ในโลกยังคงปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทางไอเอ็มเอฟใคร่ขอเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายโลกพึงรักษาการค้าไว้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโต

    ภาวะการเงินที่กำลังสะพัด อาจกำลังบดบังสัญญาณอ่อนบางประการ เช่นการสร้างงาน อาจบอกให้เรารู้ว่าจากประสบการณ์ว่า“”อารมณ์“ ของตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันได้

    การประเมินมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบันกำลังมุ่งไปสู่ระดับเดียวกับที่เราเคยเห็นท่ามกลางกระแสความนิยมอินเทอร์เน็ตเมื่อ 25 ปีก่อน หากเกิดการปรับฐานอย่างรุนแรง ภาวะการเงินที่ตึงตัวสูงขึ้นอาจฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก เผยให้เห็นความเปราะบาง และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศกำลังพัฒนายากลำบากเป็นพิเศษ

    ***

    ในโลกหลายขั้วที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ผู้กำหนดนโยบายสามารถทำอะไรได้อีกบ้างเพื่อตอบสนองความปรารถนาของคนทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

    ไอเอ็มเอฟใคร่ขอเสนอเป้าหมายนโยบายระยะกลางสามประการดังนี้

    • ประการแรก ยกระดับการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถสร้างงานมากขึ้น สร้างรายรับสาธารณะเพิ่มขึ้น และให้หนี้สาธารณะและเอกชนมีความยั่งยืนมากขึ้น
    • ประการที่สอง ซ่อมแซมฐานะการเงินของรัฐบาล เพื่อให้สามารถรับมือกับแรงกระแทกใหม่ๆ และแก้ไขปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนโดยไม่ผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภาคเอกชนสูงขึ้น และ

    ประการที่สาม แก้ไขปัญหาความไม่สมดุลทั่วโลกที่มากเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว เสถียรภาพภายนอกสะท้อนถึงการออมภายในและดุลการลงทุน

     ขออนุญาตกล่าวทีละประเด็น

    ประเด็นแรก การเติบโต คาดการณ์ว่าการเติบโตทั่วโลกจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ในระยะกลาง ลดลงจากร้อยละ 3.7 ก่อนโควิดระบาด รูปแบบการเติบโตของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในขณะที่อินเดียพัฒนาไปเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ (ภาพที่ 7)

    chart-7-curtain-raiser-charts-oct-7

    การเติบโตอย่างยั่งยืนสามารถทำได้โดยการเพิ่มผลิตภาพภาคเอกชน ซึ่งต้องมีสภาพแวดล้อมระดับมหภาคที่มั่นคงและกฎระเบียบที่ชัดเจนที่จัดทำผ่านกรอบนโยบายและสถาบันที่เข้มแข็ง

    รัฐบาลทุกแห่งจะต้องจัดหาและปกป้ององค์ประกอบพื้นฐานของตลาดเสรี ได้แก่ สิทธิในทรัพย์สิน หลักนิติธรรม ข้อมูลที่ดี ประมวลกฎหมายล้มละลายที่มีประสิทธิผล การกำกับดูแลภาคการเงินที่เข้มแข็ง และสถาบันที่เป็นอิสระแต่มีความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของภาระหน้าที่

    ในหลายเขตเศรษฐกิจ ผลิตภาพของภาคเอกชนถูกผูกติดกับระบบราชการที่ยุ่งยากซับซ้อน และบริษัทสตาร์ทอัพไม่สามารถเริ่มต้นหรือเติบโตได้ การแข่งขันเป็นปัจจัยสำคัญ และกฎระเบียบต้องไม่ยอมให้เกิดหรือสร้างข้อได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรม

    ดังนั้น วันนี้ดิฉันจึงขอเรียกร้องให้สมาชิกทุกท่านร่วมกันปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อปลดปล่อยพลังของผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบันและธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำร้ายตนเอง หากแต่เป็นเวลาที่จะจัดระเบียบบ้านให้เรียบร้อย

    สำหรับเอเชีย ดิฉันขอเรียกร้องให้มีการขยายการค้าภายในภูมิภาคให้ครอบคลุมสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายมากขึ้น และผลักดันการปฏิรูปเพื่อเสริมสร้างภาคบริการให้แข็งแกร่ง และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่าการผลักดันให้เกิดการบูรณาการระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร อาจช่วยเพิ่มจีดีพีได้ถึงร้อยละ 1.8 ในระยะยาว

    สำหรับภูมิภาคแอฟริกาใต้สะฮารา ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตว่า การปฏิรูปในภูมิภาคนี้อาจได้รับประโยชน์มากเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาถึงกำลังแรงงานรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโต การปฏิรูปอย่างครอบคลุมที่เอื้อต่อธุรกิจ ประกอบกับความก้าวหน้าในการสร้างเขตการค้าเสรีภาคพื้นทวีป อาจช่วย เพิ่ม มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ต่อหัวที่แท้จริงของประเทศในแอฟริกาได้กว่าร้อยละ 10

    และสำหรับยุโรป บ้านเกิดของดิฉัน ดิฉันขอแสดงความรักที่เข้มงวด (tough love) กรุณาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย พอได้แล้วกับการใช้ถ้อยคำหรูหราชักจูงเกี่ยวกับวิธียกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ถึงเวลาลงมือทำแล้ว แต่งตั้ง “single market czar” ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูป ขจัดความขัดแย้งระหว่างพรมแดนในตลาดแรงงาน การค้าสินค้าและบริการ พลังงาน การเงิน สร้างระบบการเงินยุโรปที่เป็นหนึ่งเดียว สร้างสหภาพพลังงาน ทำโครงการของคุณให้สำเร็จ

    ภาพหนึ่งภาพอธิบายแทนคำพูดได้นับพันคำ ลองดูว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งเจ็ดแห่งของสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อ 51 ปีก่อนหน้านี้ยังไม่มีบริษัทแห่งใดก่อตั้งขึ้นเลย กลับมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่สูงมากจนมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทในยุโรปที่มีอายุใกล้เคียงกันนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกัน (ภาพที่ 8)

    chart-8-curtain-raiser-charts-oct-7

    ต่อไปนี้ขอพูดถึงกิจการด้านการคลังบ้าง โดยเริ่มจากความเป็นจริงที่เตือนสติว่า หนี้สาธารณะทั่วโลกคาดว่าจะสูงเกินร้อยละ 100 ของจีดีพี ภายในปี 2572 (ภาพที่ 9) ซึ่งนำโดยประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่

    chart-9-curtain-raiser-charts-oct-7

    ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น กดดันต้นทุนการกู้ยืมให้สูงขึ้น จำกัดการใช้จ่ายด้านอื่น และลดความสามารถของรัฐบาลในการรองรับแรงกระแทก

    ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาที่ให้แก่ประเทศที่ขาดแคลนที่สุดในโลก ยังคงลดลงต่อเนื่องอย่างน่าเสียดาย ประเทศที่มีรายได้ต่ำที่รับเงินช่วยเหลือ ต้องช่วยตัวเองมากขึ้น รวมไปถึงตั้งเป้าอัตราภาษีต่อจีดีพีที่ร้อยละ 15 เป็นอย่างต่ำ

    ดังนั้น การรัดเข็มขัดทางการคลังจึงมีความจำเป็นในหลายเขตเศรษฐกิจ ทั้งรวยและจน

    การรัดเข็มขัดยังเป็นเรื่องยากเช่นกัน ดังที่เหตุการณ์ความไม่สงบทางสังคมหลายครั้งที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็น การซ่อมแซมงบประมาณของรัฐบาลจำเป็นต้องมีการมีการวางแผน สื่อสาร และดำเนินการอย่างดี การลดการขาดดุลอย่างมีนัยสำคัญก็สามารถทำได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับแรงหนุนจากการเติบโตในระยะกลางที่สูงขึ้น

    เช่นนั้นแล้ว ดิฉันจะกล่าวถึงขอเสนอที่สาม การลดความไม่สมดุลของบัญชีเดินสะพัดที่กลับคืนมาอีกครั้ง (ภาพที่ 10)

    chart-10-curtain-raiser-charts-oct-7

    ดังที่เราได้เห็น ความไม่สมดุลเหล่านี้อาจกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้เชิงนโยบาย และเมื่อพิจารณาจากกระแสเงินทุนสุทธิระหว่างประเทศ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินได้ ทางไอเอ็มเอฟกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุงการประเมินเศรษฐกิจภาคต่างประเทศ (external sector assessments) และจะยังคงผลักดันให้ผู้มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขนโยบายต่อไป

    สำหรับสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งการบริโภคภาคเอกชน และการขาดดุลการคลังอยู่ในระดับสูง กอปรกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในระดับที่ไม่เห็นนับตั้งแต่ต้นทศวรรษปี 2000 เราเสนอให้มีการดำเนินการในสองมิติกว้าง ๆ

    • ขั้นแรก ขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลาง อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของรัฐบาลกลางกำลังใกล้เส้นทางที่จะสูงเกินระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในหลายด้าน นอกเหนือไปจากการประหยัดการใช้จ่ายที่ไม่ตายตัว
    • ขั้นที่สอง ขั้นตอนในการจูงใจให้ครัวเรือนออมเงิน โดยอาจพิจารณาขยายแผนที่มีอยู่ที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายภาษีอื่นๆ

    สำหรับประเทศจีน การออมภาคเอกชนอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และอุปสงค์ในประเทศถูกจำกัดโดยการปรับตัวด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อและแรงกดดันด้านเงินฝืด เราขอสนับสนุนการขยายตัวทางการคลังในช่วงเปลี่ยนผ่านและการปรับโครงสร้างทางการคลังใหม่อย่างถาวร

    จีนจำเป็นต้องมีมาตรการด้านโครงสร้างและทางการเงินเพื่อกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน เปลี่ยนผ่านสู่โมเดลการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบใหม่ และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยรับมือกับอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงที่อ่อนค่าลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปรับสมดุล (ภาพที่ 11) มาตรการนี้ควรครอบคลุมการใช้จ่ายด้านโครงข่ายความปลอดภัยทางสังคมและการปรับปรุงภาคอสังหาริมทรัพย์ให้มากขึ้น และควรลดการใช้จ่ายด้านนโยบายอุตสาหกรรมลงอย่างมาก ซึ่งรายงาน ฉบับใหม่ของไอเอ็มเอฟระบุว่ารายจ่ายประจำปีอยู่ที่ร้อยละ 4.4 ของจีดีพี

    chart-11-curtain-raiser-charts-oct-7

    สุดท้าย เยอรมนี เราตั้งข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างล่าสุดไปสู่การใช้นโยบายการคลังที่ขยายตัวมากขึ้นน่าจะช่วยลดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลงได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถทำได้ การใช้จ่ายของภาครัฐด้านโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านการปรับปรุงแรงจูงใจในการลงทุนภาคเอกชนในประเทศจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากเยอรมนีกำลังพยายามเพิ่มขุมพลังใหม่ ๆ ให้กับภาคเอกชน

    ***

    สุดท้ายนี้ ขอย้อนกลับไปที่แรงบันดาลใจจากเยาวชน ดิฉันมีความรู้สึกรับผิดชอบอย่างลึกซึ้งในการเป็นผู้นำของไอเอ็มเอฟ ในการทำหน้าที่พื้นฐานของเราอย่างดีที่สุด นั่นคือการมีอิทธิพลต่อนโยบายในลักษณะที่ใช้ประโยชน์จากโอกาสให้ได้มากที่สุด

    หากเราร่วมมือกัน แม้ว่าโลกในปัจจุบนจะซับซ้อนและไม่แน่นอน เราจะสามารถสร้างนโยบายที่รองรับตลาดเสรีให้แข็งแกร่งด้วยกฎระเบียบที่ชาญฉลาด สถาบันที่เข้มแข็ง ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน โครงข่ายความปลอดภัยที่แข็งแรง และอื่น ๆ อีกมากมาย นโยบายที่มีกำลังมากพอที่จะเพิ่มพลังต้านทานภัยและเสริมสร้างความสามารถการฟื้นตัว นโยบายที่จะเร่งการเจริญเติบโต

    สุดท้ายนี้ ดิฉันขออ่านคำจารึกบนกำแพงของสถานที่แห่งนี้ เป็นเครื่องเตือนใจว่า “A dream you dream alone is only a dream. A dream you dream together is reality.” เราทุกคนควรร่วมมือกัน เพื่อสร้างโอกาสในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

    ขอบคุณค่ะ